25521124

タスク2: ストーリーテリング

จากเมื่อคราวที่แล้วที่อาจารย์ให้อัดเสียงเล่าเรื่องของคู่รักคู่หนึ่งโดยสมมติว่ากำลังเล่าให้เพื่อนสนิทฟังและให้เล่าแบบฉับพลัน(หลอนคำนี้กันมั้ย 555)

ในคาบวันนี้อาจารย์ก็แจกสคริปต์ที่ถอดเทปกันแล้วให้จับกลุ่มดิสคัสชั่นกับเพื่อน
ขั้นแรกอาจารย์ให้ดูว่ามีตรงไหนที่เราอยากพูดแต่ไม่ได้พูดในตอนนั้นหรือเปล่า
ของเราที่เจ็บใจมากๆตอนนั้นคือคำว่าวิก เพราะเคยรู้คำนี้อยู่แล้ว(จากชื่อนักเขียนการ์ตูนคนหนึ่ง ;D)
แต่ตอนพูดตอนนั้นดันนึกไม่ออกซะอย่างนั้น แล้วพอกลับบ้านก็นึกได้ - -!

ต่อมา อาจารย์ให้แก้ส่วนที่เป็นไวยากรณ์ที่ตรงไหนผิดให้ถูกต้อง หลังจากนั้นก็ให้คุยกับเพื่อน
แต่รู้สึกกลุ่มเราทุกคนจะหมกมุ่นกับการแก้ของตัวเองจนแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย ^ ^;

เสร็จแล้วอาจารย์ก็ให้ฟังที่เป็นของอาจารย์คนญี่ปุ่น 2 คนเล่าเรื่องนี้ แล้วสังเกตว่ามีความแตกต่างจากของเราอย่างไร
จากที่เราได้ฟังก็พบว่ามีความแตกต่างดังนี้

1.ทั้งน้ำเสียงและลีลาการพูดของเขาไม่เกร็ง ไม่ตื่นเต้น (มันแน่นอนอยู่แล้วรึเปล่านะ เหอๆ - -) ถึงแม้จะมีบางช่วงที่พูดติดขัดนิดหน่อย แต่ก็ฟังเป็นธรรมชาติ ต่างจากของเราที่เอ่อๆอ่าๆ เว้นอะไรไม่รู้นานมาก แถมเสียงก็ไม่ใช่ที่จะเล่าเรื่องสนุกๆให้เพื่อนฟังง่ะ -*-

2.ของอ.ทั้งสองจะใส่รายละเอียดเพิ่มเติมเยอะมาก สังเกตเห็นว่าทั้งอ.ผู้หญิงและอ.อิไวจะพูดถึงเรื่องที่ผู้ชายไปบ้านผู้หญิงแล้วไปเจอรูปก่อนศัลยกรรม ซึ่งเราเห็นว่าตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้การเล่าเรื่องดูเป็นธรรมชาติเหมือนเล่าเรื่องที่เราได้รู้มาจริงๆ นอกจากนี้ ตอนที่เป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่องคือตอนที่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นก็หัวล้านใส่วิก อ.ทั้งสองก็ค่อยๆเล่าเป็นช็อตๆว่าเขาค่อยๆทำอย่างนี้ๆนะ ซึ่งก็ทำให้เรื่องที่เล่ามีรสชาติและทำให้ผู้ฟังสนุกสนานมากขึ้น แต่ของเรากลับเล่าแบบรวบรัดมากว่ามีแฟน โดนแฟนเห็นรูป แล้วจริงๆเค้าหัวล้าน จบ ประมาณนี้ -*-

3.อ.ทั้ง 2 คนใช้メタ言語เยอะมากในการเล่าเรื่อง เช่น ねえ、ねえ、聞いてよ、もう大ピンチでしょう?、何したと思う?、どうなったと思う?เป็นต้น ซึ่งทำให้ผู้ฟังตื่นเต้นและเกิดความสนใจในเรื่องที่เล่ามากขึ้น ส่วนของเราก็มีใช้แต่แค่ครั้ง 2 ครั้งเอง - -"

4.สังเกตเห็นว่าเขาจะไม่ใช้คำพูดเรื่องหัวล้าน เรื่องวิกตรงๆเท่าไหร่ เช่น อ.ผู้หญิงจะใช้คำว่าツルツルピカピカแทนคำว่าหัวล้าน ในขณะที่อ.อิไวก็ไม่พูดถึงเรื่องหัวล้านเลย ส่วนคำว่าวิกทั้ง 2 คนก็ใช้คำว่า 髪の毛 แทน และคำว่าใส่วิกอ.อิไวก็ไม่ได้ใช้คำว่า かつらをつける แต่ใช้คำว่า かつらだ แทน ซึ่งตรงนี้รู้สึกว่าจะเป็นความแตกต่างในการใช้คำของภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่น เพราะถ้าเป็นคนไทยก็จะใช้คำนั้นไปเลย ตอนเล่าเลยกังวลที่จะต้องหาคำศัพท์คำนั้นมาพูดให้ได้ - -"

5.นอกจาก ツルツルピカピカ แล้ว อ.ผู้หญิงก็ใช้ 擬態語 คำว่า ニコットตอนที่เ่ล่าว่าผู้ชายคนนั้นหัวเราะ ซึ่งตรงนี้เราก็เห็นว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของภาษาญี่ปุ่นที่มีการใช้คำจำพวก擬音語・擬態語เยอะมาก ซึ่งทำให้เรื่องมีความสนุกสนานมากขึ้น

6.เขามีการใช้รูปถูกกระทำ(受け身)เยอะมาก เ่ช่น 見られる、振られる、怒られるซึ่งรู้สึกว่านี่ก็เป็นจุดเ่ด่นอย่างหนึ่งที่พบบ่อยในภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน เราเองก็พยายามฝึกใช้อยู่แต่ก็ใช้ไปแค่คำเดียวตอนพูดคือ 見られる เหอๆ

7.เรื่องคำลงท้าย の รู้สึกว่าเราจะไม่คุ้นกับการใช้คำนี้ลงท้ายประโยคบอกเล่าเลย ที่ใช้บ่อยๆจะเป็นในประโยคคำถามมากกว่า แต่ของอ.ผู้หญิงใช้เยอะมาก และแทบไม่ใช้คำลงท้าย よเลย นอกจากนี้ อีกคำที่เราใช้ไม่เป็นคือคำว่า わけ แต่เห็นอ.อิไวใช้อยู่บ่อยเหมือนกันเวลาเล่าเรื่อง ซึ่งคำเหล่านี้รู้สึกจะใช้กันบ่อยในบทสนทนาของคนญี่ปุ่น แต่เรากลับใช้ไม่เป็นเลยนี่สิ จะทำไงดีนะ -*-


จากการทำกิจกรรมครั้งนี้ก็ทำให้ได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ได้รู้ว่าทักษะในการพูดภาษาญี่ปุ่นของเรา โดยเฉพาะในการสื่อสารเรื่องให้คนอื่นฟังยังต่ำอยู่มาก และได้รู้เคล็ดลับในการเล่าเรื่องของคนญี่ปุ่นว่ามีรูปแบบอย่างไร ซึ่งก็หวังว่าเราจะสามารถจำไปใช้เวลาพูดจริงได้นะ เหอๆ *-*

ป.ล. วันนี้ตอนท้ายคาบอาจารย์พูดเรื่องภาษาญี่ปุ่นของคนญี่ปุ่นที่ยากที่จะเข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ โดยยกตัวอย่างจากอีเมลล์และเรื่องของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นที่ประสบปัญหานี้ และมีตอนนึงมีเรื่องรูป です・ますว่าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนไปใช้รูปเป็นกันเองได้ดีทั้งๆที่สนิทสนมกันแล้ว เพราะต่างฝ่ายก็ต่างไม่กล้าเปลี่ยนก่อน ซึ่งมันเป็นปัญหาเดียวกับที่เรากำลังสงสัยกับเพื่อนญี่ปุ่นคนนึงเลย และพอลองถามอาจารย์หลังจบชั่วโมง อาจารย์บอกให้เราลองทำหัวข้อนี้เป็นหัวข้อพอร์ท ซึ่งมันก็น่าสนใจ แต่ประเด็นคือเค้าไม่ค่อยตอบเมลล์เรานี่สิ -*-
แต่พอเช็กเมลล์วันนี้ก็ตกใจมากเพราะเค้าตอบเมลล์เรามาพอดี และในนั้นส่วนใหญ่ใช้รูป です・ます แต่ก็มีอยู่ประโยค 2 ประโยคใช้รูปธรรมดา ตอนตอบเราก็เลยแอบใช้รูปธรรมดาไปบ้างตามเค้า 555
อยากทำหัวข้อนี้เหมือนกันนะ แต่ไม่รู้เค้าจะตอบเมลล์เราบ่อยแค่ไหนนี่สิ เหอ - -"

3 ความคิดเห็น:

  1. โห เขียนยาวจัง

    ส่วนเพื่อนญี่ปุ่นนะ ถ้าเป็นพี่นะ จะซัดรูปธรรมดาไปเลย
    ไม่แคร์แล้ว 5555

    จะไม่คบกรูเพราะพูดไม่เพราะก็ช่าง ดีมะ เอิ๊กๆๆ

    ตอบลบ
  2. อย่างละเอียดอ่ะเธอออออ

    อัพเร็วมาก

    ไม่ได้ละเดี๋ยวจะอัพบ้างละ อิอิ


    ทั้งภาษาญี่ปุ่น ทั้งคนญี่ปุ่น
    ยิ่งเรียนยิ่งรู้จักก็รู้สึกว่าเข้าใจยากขึ้นเรื่อยๆเนาะ - * -

    ตอบลบ
  3. เราสงสัยเรื่อง わけเหมือนกัน ที่จบประโยคด้วย わけนี่หมายความว่ายังไงกัน? เราลองเปิดในดิค และก็ดูหนังสือไวยากรณ์ที่มี ความหมายดูจะไม่ตรง(มั้ง)กับわけของอาจารย์อิไว..

    ซัดด้วยรูปธรรมดาไปเลย ยังกะจะไปต่อยใครอะพี่แฟรงค์ 555

    ตอบลบ